|
วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ร้านอาหาร ภูเก็ตซีฟู้ด (ครัวบ้านริมคลอง) เชียงใหม่ (Phuket Seafood Chiangmai)
มารู้จักกับซาลาเปาอร่อยที่สุดในเชียงใหม่กัน | ||
หากเอ่ยถึงร้านซาลาเปา “วิกุล” สันป่าข่อย ใครที่อยู่เชียงใหม่เป็นต้องร้อง “อ๋อ” กันอย่างแน่นอน กว่า 70 ปีแล้วที่ป้าวิกุล เกียรติพจนานันท์ (เจ้าของร้าน) และพี่น้องอีก 2 คนช่วยกันขายมาจนถึง ปี พ.ศ. 2552 นี้ ซาลาเปาของร้านวิกุลจะมีไส้หมูสับและไส้หวาน เมื่อใครได้ทานต่างก็ติดใจในรสชาติที่สุดยอดอร่อยซึ่งเป็นสูตรเฉพาะจากแต้จิ๋ว จีนแท้ดั้งเดิมที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นเตี่ยของป้าวิกุล (พ่อของเจ้าของร้าน) เลยทีเดียว โดยแป้งซาลาเปาที่นี่จะออกเหลืองนวลๆไม่เหมือนซาลาเปาทั่วๆไปที่เราเคยทานกัน เรื่องของรสชาตินั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลยทีเดียว เคยทานมาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ยังคงเส้นคงวาของความอร่อยจนถึงทุกวันนี้ นอกจากซาลาเปาสุดยอดความอร่อยแล้ว ทางร้านยังมีขนมจีบที่ทางร้านทำเองเช่นกัน เนื้อขนมจีบเป็นหมูสับรสชาตินุ่ม อร่อยไม่แพ้ซาลาเปาเลยครับ นอกจากนี้ทางร้านยังมีบ๊ะจ่างที่เป็นสินค้าขายดีอีกหนึ่งอย่างของร้านด้วยครับ โดยไส้บ๊ะจ่างจะมีเห็ดหอม ไข่เค็มแดง กุ้งแห้ง กุนเชียงคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวคลุกเครื่องเทศ อร่อยจริงๆครับ และยังไม่หมดเท่านี้ครับ ทางร้านยังทำขนมเปี๊ยะและขนมจันอับขายเองอีกด้วยซึ่งหลายๆคนที่ตั้งใจมาชิมเฉพาะซาลาเปาว่าจะอร่อยสมคำล่ำลือมั้ย ก็ต้องพ่วงซื้อขนมเปี๊ยะติดไม้ติดมือไปชิมกันอีกด้วย สำหรับใครที่ได้มาเที่ยวเมืองเชียงใหม่แล้วยังไม่เคยได้ลิ้มรสความอร่อยของซาลาเปาวิกุล สันป่าข่อย ก็ลองมาแวะลิ้มชิมรสกันดูนะครับ ซึ่งต้องขอบอกก่อนว่าทางร้านไม่มีที่ให้นั่งทานนะครับ ซื้อห่อกลับบ้านได้เท่านั้นครับ และที่สำคัญป้าวิกุลเค้าจะห่อซาลาเปาร้อนๆที่เพิ่งขึ้นจากซึ้งด้วยใบตองก่อนใส่ถุงกระดาษเพื่อเก็บความร้อนให้คงอยู่ได้นานเหมือนเพิ่งขึ้นจากซึ้งให้ท่านได้ไปทานที่บ้านอย่างอร่อยเหมือนเพิ่งขึ้นจากซึ้ง ร้านซาลาเปาวิกุล ซาลาเปา - ขนมจีบรสชาติอร่อยที่สุดในเชียงใหม่ยินดีต้อนรับทุกๆท่านที่มาเยือนเชียงใหม่ครับ | ||
จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติเชียงใหม่ (แบบย่อ)
เชียงใหม่ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า700ปี นับตั้งแต่พญามังราย พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงร่วมกันสร้างเมืองขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง และขนานว่านพบุรีศรีครพิงค์ เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรล้านนา เชียงใหม่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในทุกๆด้าน เคยแผ่ขยายอาณาเขตกว้างไกลออกไปจรดเชียงตุงและเชียงรุ้ง ด้านการศาสนา ก็ได้เผยแผ่พุทธศาสนาไปทั่วอาณาจักรและยังจัดให้มีการประชุมสังคายนาพระ ไตรปิฎกขึ้นในรัชสมัยของพญาติโลก-ราช ด้านวรรณกรรมได้มีวรรณกรรมพุทธศาสนาที่สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์สิหิงคทาน และปัญญาส-ชาดก เป็นต้น
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อที่ปรากฏในตำนานว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" เป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนาไทยมาตั้งแต่พระยามังรายได้ทรงสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.1839 ซึ่งมี อายุครบ 710 ปี ในปี พ.ศ.2549 และเมืองเชียงใหม่ได้มีวิวัฒนาการสืบเนื่องกันมาในประวัติศาสตร์ตลอดมา เชียงใหม่มีฐานะเป็นนครหลวงอิสระ ปกครอง โดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ.1839-2100) ในปี พ.ศ.2101 เชียงใหม่ได้เสียเอกราชให้แก่กษัตริย์พม่าชื่อบุเรงนอง และได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่านานร่วมสองร้อยปี ในระหว่างที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้บ้านเมืองและตั้งกรุงธนบุรี เป็นราชธานีนั้น พญากาวิละซึ่งเป็นหลานเจ้าเมืองลำปางร่วมกับพญาจ่าเมือง ขุนนางเมืองเชียงใหม่ได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อกองทัพพระเจ้าตากสินและเข้าร่วม รบขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่สำเร็จ ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพญากาวิละขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองใหม่ ในฐานะเมืองประเทศราชของสยามและมีเชื้อสายของพระยากาวิละ ซึ่งเรียกว่า ตระกูลเจ้าเจ็ดตน ปกครองเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนและลำปางสืบต่อมาจนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้โปรดให้ปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช ได้ยกเลิกการมีเมืองประเทศราชในภาคเหนือ จัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลพายัพ และเมื่อปี พ.ศ.2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ปรับปรุงการปกครองเป็นแบบจังหวัด เชียงใหม่จึงมีฐานะเป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบัน
เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม และภาษาพื้นเมือง (ภาษาคำเมือง) เป็นเอกลักษณ์ของตน อย่างเด่นชัด และมีการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมให้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีสนามบินที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้า ศูนย์กลางทางการศึกษา ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุขของภาคเหนือ
เชียงใหม่ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า700ปี นับตั้งแต่พญามังราย พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงร่วมกันสร้างเมืองขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง และขนานว่านพบุรีศรีครพิงค์ เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรล้านนา เชียงใหม่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในทุกๆด้าน เคยแผ่ขยายอาณาเขตกว้างไกลออกไปจรดเชียงตุงและเชียงรุ้ง ด้านการศาสนา ก็ได้เผยแผ่พุทธศาสนาไปทั่วอาณาจักรและยังจัดให้มีการประชุมสังคายนาพระ ไตรปิฎกขึ้นในรัชสมัยของพญาติโลก-ราช ด้านวรรณกรรมได้มีวรรณกรรมพุทธศาสนาที่สำคัญๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น ชินกาลมาลีปกรณ์สิหิงคทาน และปัญญาส-ชาดก เป็นต้น
เมืองเชียงใหม่ มีชื่อที่ปรากฏในตำนานว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" เป็นราชธานีของอาณาจักรล้านนาไทยมาตั้งแต่พระยามังรายได้ทรงสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.1839 ซึ่งมี อายุครบ 710 ปี ในปี พ.ศ.2549 และเมืองเชียงใหม่ได้มีวิวัฒนาการสืบเนื่องกันมาในประวัติศาสตร์ตลอดมา เชียงใหม่มีฐานะเป็นนครหลวงอิสระ ปกครอง โดยกษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ.1839-2100) ในปี พ.ศ.2101 เชียงใหม่ได้เสียเอกราชให้แก่กษัตริย์พม่าชื่อบุเรงนอง และได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่านานร่วมสองร้อยปี ในระหว่างที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้บ้านเมืองและตั้งกรุงธนบุรี เป็นราชธานีนั้น พญากาวิละซึ่งเป็นหลานเจ้าเมืองลำปางร่วมกับพญาจ่าเมือง ขุนนางเมืองเชียงใหม่ได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อกองทัพพระเจ้าตากสินและเข้าร่วม รบขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่สำเร็จ ซึ่งต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพญากาวิละขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองใหม่ ในฐานะเมืองประเทศราชของสยามและมีเชื้อสายของพระยากาวิละ ซึ่งเรียกว่า ตระกูลเจ้าเจ็ดตน ปกครองเมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูนและลำปางสืบต่อมาจนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้โปรดให้ปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช ได้ยกเลิกการมีเมืองประเทศราชในภาคเหนือ จัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลพายัพ และเมื่อปี พ.ศ.2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ปรับปรุงการปกครองเป็นแบบจังหวัด เชียงใหม่จึงมีฐานะเป็นจังหวัดจนถึงปัจจุบัน
เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม และภาษาพื้นเมือง (ภาษาคำเมือง) เป็นเอกลักษณ์ของตน อย่างเด่นชัด และมีการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมให้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมาก มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีสนามบินที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้า ศูนย์กลางทางการศึกษา ศูนย์กลางทางการแพทย์และสาธารณสุขของภาคเหนือ
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดพระสิงห์ (พระธาตุประจำปีมะโรง) เป็นวัดที่สำคัญของนครเชียงใหม่ เพราะเป็นวัดที่มีประวัติยาวนานกว่า 655 ปี สมัยแรก วัดนี้ได้ชื่อว่า “วัดลีเชียงพระ” หมายความว่า วัดที่ตั้งใกล้ตลาดกลางเมือง ในสมัยกษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชวงศ์มังราย ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานในวัดนี้ จึงเรียกว่า “วัดพระสิงห์” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา วัดพระสิงห์ได้รับสถาปนาเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ประเภทวรมหาวิหาร วัตถุสถานในวัด ทั้งพระอุโบสถ วิหารลายคำ วิหารหลวง หอไตร และภาพจิตรกรรมในวิหารลายคำ จึงทรงคุณค่า วัดแห่งนี้จึงเป็นที่รวมของตัวอย่างศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมล้านนามากที่สุด |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)